Choose the reader
ไทย
สูเราะฮฺ ฏอฮา - จำนวนข้อ 135
مَا أَنزَلْنَا عَلَيْكَ الْقُرْآنَ لِتَشْقَىٰ ( 2 )
เรามิได้ให้อัลกุรอานลงมาแก่เจ้า เพื่อให้เจ้าลำบาก
تَنزِيلًا مِّمَّنْ خَلَقَ الْأَرْضَ وَالسَّمَاوَاتِ الْعُلَى ( 4 )
เป็นการประทานลงจากพระผู้สร้างแผ่นดินและชั้นฟ้าทั้งหลายอันสูงส่ง
لَهُ مَا فِي السَّمَاوَاتِ وَمَا فِي الْأَرْضِ وَمَا بَيْنَهُمَا وَمَا تَحْتَ الثَّرَىٰ ( 6 )
กรรมสิทธิ์ของพระองค์นั้นคือ สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสอง และสิ่งที่อยู่ใต้พื้นดิน
وَإِن تَجْهَرْ بِالْقَوْلِ فَإِنَّهُ يَعْلَمُ السِّرَّ وَأَخْفَى ( 7 )
และหากว่าเจ้ากล่าวเสียงดัง เพราะแท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับ และสิ่งซ่อนเร้น
اللَّهُ لَا إِلَٰهَ إِلَّا هُوَ ۖ لَهُ الْأَسْمَاءُ الْحُسْنَىٰ ( 8 )
อัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์สำหรับพระองค์นั้นทรงพระนามอันสวยงาม
إِذْ رَأَىٰ نَارًا فَقَالَ لِأَهْلِهِ امْكُثُوا إِنِّي آنَسْتُ نَارًا لَّعَلِّي آتِيكُم مِّنْهَا بِقَبَسٍ أَوْ أَجِدُ عَلَى النَّارِ هُدًى ( 10 )
เมื่อเขาเห็นไฟ เขาจึงกลัวแก่ครอบครัวของเขาว่า “พวกท่านจงหยุดอยู่ที่นี่ เพราะฉันเห็นไฟ บางทีฉันจะนำคบเพลิงจากที่นั่นมาให้พวกท่าน หรือฉันอาจจะพบผู้นำทางที่กองไฟนั้น
فَلَمَّا أَتَاهَا نُودِيَ يَا مُوسَىٰ ( 11 )
ครั้นเมื่อเขามาถึงกองไฟนั้น มีเสียงเรียกขึ้นว่า “โอ้ มูซาเอ๋ย !
إِنِّي أَنَا رَبُّكَ فَاخْلَعْ نَعْلَيْكَ ۖ إِنَّكَ بِالْوَادِ الْمُقَدَّسِ طُوًى ( 12 )
“แท้จริงข้าคือพระเจ้าของเจ้า จงถอดรองเท้าทั้งสองข้างของเจ้าออก แท้จริงเจ้ากำลังอยู่ ณ หุบเขาอันศักดิ์สิทธิ์ (มีชื่อว่า) ฏุว่า
وَأَنَا اخْتَرْتُكَ فَاسْتَمِعْ لِمَا يُوحَىٰ ( 13 )
“และข้าได้เลือกเจ้า ฉะนั้น จงตั้งใจฟังสิ่งที่ถูกวะฮี”
إِنَّنِي أَنَا اللَّهُ لَا إِلَٰهَ إِلَّا أَنَا فَاعْبُدْنِي وَأَقِمِ الصَّلَاةَ لِذِكْرِي ( 14 )
“แท้จริงข้าคืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้าและจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด เพื่อรำลึกถึงข้า
إِنَّ السَّاعَةَ آتِيَةٌ أَكَادُ أُخْفِيهَا لِتُجْزَىٰ كُلُّ نَفْسٍ بِمَا تَسْعَىٰ ( 15 )
“แท้จริงวันอวสานของโลกนั้นกำลังมาถึงข้าปกปิดมันไว้เพื่อทุกชีวิตจะถูกตอบแทนตามี่มันได้แสวงหาไว้
فَلَا يَصُدَّنَّكَ عَنْهَا مَن لَّا يُؤْمِنُ بِهَا وَاتَّبَعَ هَوَاهُ فَتَرْدَىٰ ( 16 )
“ดังนั้น ผู้ที่ไม่ศรัทธาต่อมันจะต้องไม่ทำให้เจ้าเหินห่างจากมัน และปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของเขา แล้วเจ้าจะพินาศ”
قَالَ هِيَ عَصَايَ أَتَوَكَّأُ عَلَيْهَا وَأَهُشُّ بِهَا عَلَىٰ غَنَمِي وَلِيَ فِيهَا مَآرِبُ أُخْرَىٰ ( 18 )
เขากล่าวว่า “มันคือไม้เท้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ใช้มันสำหรับยัน และข้าพระองค์ใช้มันตีบนพุ่มไม้เพื่อเป็นอาหารสำหรับแกะของข้าพระองค์ และข้าพระองค์ใช้มันในประโยชน์อื่น ๆ อีก”
قَالَ خُذْهَا وَلَا تَخَفْ ۖ سَنُعِيدُهَا سِيرَتَهَا الْأُولَىٰ ( 21 )
พระองค์ตรัสว่า”จงจับมันขึ้นมาและอย่ากลัว เราจะให้มันกลับมาเป็นไม้เท้าตามสภาพก่อนของมัน”
وَاضْمُمْ يَدَكَ إِلَىٰ جَنَاحِكَ تَخْرُجْ بَيْضَاءَ مِنْ غَيْرِ سُوءٍ آيَةً أُخْرَىٰ ( 22 )
“และจงเอามือของเข้าซุกเข้าไปใต้รักแร้แล้วเอามันออกมามันจะมีสภาพขาวประกาย ปราศจากอันตรายใด ๆ มันเป็นอีกสัญญาณหนึ่ง
لِنُرِيَكَ مِنْ آيَاتِنَا الْكُبْرَى ( 23 )
“เพื่อเราจะให้เข้าได้เห็นบางส่วนจากสัญญาณทั้งหลายอันยิ่งใหญ่ของเรา”
قَالَ رَبِّ اشْرَحْ لِي صَدْرِي ( 25 )
เขากล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดเปิดอกของข้าพระองค์ให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด”
وَاجْعَل لِّي وَزِيرًا مِّنْ أَهْلِي ( 29 )
“และทรงโปรดให้คนในครอบครัวของข้าพระองค์ เป็นผู้ช่วยแก่ข้าพระองค์ด้วย”
قَالَ قَدْ أُوتِيتَ سُؤْلَكَ يَا مُوسَىٰ ( 36 )
พระองค์ตรัสว่า “แน่นอน เราได้ให้ตามคำขอของเจ้าแล้ว โอ้ มูซาเอ๋ย”
وَلَقَدْ مَنَنَّا عَلَيْكَ مَرَّةً أُخْرَىٰ ( 37 )
และโดยแน่นอน เราได้ให้ความโปรดปรานแก่เจ้ามาครั้งหนึ่งก่อนนี้แล้ว
أَنِ اقْذِفِيهِ فِي التَّابُوتِ فَاقْذِفِيهِ فِي الْيَمِّ فَلْيُلْقِهِ الْيَمُّ بِالسَّاحِلِ يَأْخُذْهُ عَدُوٌّ لِّي وَعَدُوٌّ لَّهُ ۚ وَأَلْقَيْتُ عَلَيْكَ مَحَبَّةً مِّنِّي وَلِتُصْنَعَ عَلَىٰ عَيْنِي ( 39 )
โดยให้นางวางเขาลงในหีบ แล้วเอาไปปล่อยในแม่น้ำ (ไนล์) แล้วแม่น้ำก็ซัดเขาไปติดที่ชายฝั่ง (จากนั้น) ศัตรูของข้าและศัตรูของเขาก็จะเก็บเอาเขาไป และข้าก็ได้ให้ความรักจากข้าแก่เจ้า เพื่อเจ้าจะได้รับการเลี้ยงดู ภายใต้การดูแลของข้า
إِذْ تَمْشِي أُخْتُكَ فَتَقُولُ هَلْ أَدُلُّكُمْ عَلَىٰ مَن يَكْفُلُهُ ۖ فَرَجَعْنَاكَ إِلَىٰ أُمِّكَ كَيْ تَقَرَّ عَيْنُهَا وَلَا تَحْزَنَ ۚ وَقَتَلْتَ نَفْسًا فَنَجَّيْنَاكَ مِنَ الْغَمِّ وَفَتَنَّاكَ فُتُونًا ۚ فَلَبِثْتَ سِنِينَ فِي أَهْلِ مَدْيَنَ ثُمَّ جِئْتَ عَلَىٰ قَدَرٍ يَا مُوسَىٰ ( 40 )
เมื่อพี่สาวของเจ้าเดินไป เธอได้พูด(กับพวกนั้น)ว่า ฉันจะชี้แนะผู้ที่เลี้ยงดูเขาแก่พวกท่านไหม? แล้วเราให้เจ้ากับไปหามารดาของเจ้า เพื่อที่จะได้เป็นที่รื่นรมณ์แก่สายตาของนางและไม่เศร้าโศกและเจ้าได้ฆ่าชายคนหนึ่ง แล้วเราได้ช่วยเจ้าให้พ้นจากความหนักใจ และเราได้ทดสอบเจ้าด้วยการทดสอบนานาชนิด แล้วเจ้าได้พำนักอยู่กับชาวมัดยันเป็นเวลาหลายปี ภายหลังเจ้าได้กลับมาตามกำหนด โอ้ มูซาเอ๋ย !
اذْهَبْ أَنتَ وَأَخُوكَ بِآيَاتِي وَلَا تَنِيَا فِي ذِكْرِي ( 42 )
เจ้าจงไปพร้อมกับพี่ชายของเจ้า พร้อมด้วยสัญญาณทั้งหลายของข้า และเจ้าทั้งสองอย่าเฉื่อยชาในการรำลึกถึงข้า
فَقُولَا لَهُ قَوْلًا لَّيِّنًا لَّعَلَّهُ يَتَذَكَّرُ أَوْ يَخْشَىٰ ( 44 )
แล้วเจ้าทั้งสองจงพูดกับเขาด้วยคำพูดที่อ่อนโยน บางทีเขาอาจจะรำลึกขึ้นมา หรือเกิดความยำเกรงขึ้น
قَالَا رَبَّنَا إِنَّنَا نَخَافُ أَن يَفْرُطَ عَلَيْنَا أَوْ أَن يَطْغَىٰ ( 45 )
เขาทั้งสองได้กล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของเรา แท้จริงเรากลัวว่า เขาจะล่วงเกินเรา
قَالَ لَا تَخَافَا ۖ إِنَّنِي مَعَكُمَا أَسْمَعُ وَأَرَىٰ ( 46 )
พระองค์ตรัสว่า “เจ้าทั้งสองอย่ากลัวแท้จริงข้าอยู่กับเจ้าทั้งสอง ข้าได้ยินและได้เห็น (ทุกสิ่งทุกอย่าง)
فَأْتِيَاهُ فَقُولَا إِنَّا رَسُولَا رَبِّكَ فَأَرْسِلْ مَعَنَا بَنِي إِسْرَائِيلَ وَلَا تُعَذِّبْهُمْ ۖ قَدْ جِئْنَاكَ بِآيَةٍ مِّن رَّبِّكَ ۖ وَالسَّلَامُ عَلَىٰ مَنِ اتَّبَعَ الْهُدَىٰ ( 47 )
ดังนั้น เจ้าทั้งสองจงไปหาเขาแล้วกล่าวว่า “แท้จริงเราเป็นร่อซูลของพระเจ้าของท่าน ฉะนั้นท่านจงปล่อยวงศ์วานอิสรออีลมากับเราเถิด และอย่าได้ทรมานพวกเขาเลย แน่นอน เราได้นำสัญญาณ จากพระเจ้าของท่านมายังท่านแล้วและความปลอดภัย (จากการลงโทษของอัลลอฮฺ) จงมีแด่ผู้ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง
إِنَّا قَدْ أُوحِيَ إِلَيْنَا أَنَّ الْعَذَابَ عَلَىٰ مَن كَذَّبَ وَتَوَلَّىٰ ( 48 )
“แท้จริงได้มีวะฮีมายังเราว่า แท้จริงการลงโทษจะประสบแก่ผู้ที่ปฏิเสธ (บรรดานะบีของอัลลอฮฺ) และหันหลัง (ให้กับการอีมาน)
قَالَ فَمَن رَّبُّكُمَا يَا مُوسَىٰ ( 49 )
เขากล่าวว่า “ดังนั้น ใครเล่าคือพระเจ้าของท่านทั้งสอง โอ้มูซาเอ๋ย”
قَالَ رَبُّنَا الَّذِي أَعْطَىٰ كُلَّ شَيْءٍ خَلْقَهُ ثُمَّ هَدَىٰ ( 50 )
มูซากล่าวว่า “พระเจ้าของเราคือ ผุ้ทรงประทานทุกอย่างแก่สิ่งที่พระองค์ทรงสร้างแล้วพระองค์ก็ทรงชี้แนะแนวทางให้”
قَالَ فَمَا بَالُ الْقُرُونِ الْأُولَىٰ ( 51 )
เขากล่าวว่า “แล้วสภาพของคนรุ่นก่อน ๆ นั้นเป็นเช่นไร ?”
قَالَ عِلْمُهَا عِندَ رَبِّي فِي كِتَابٍ ۖ لَّا يَضِلُّ رَبِّي وَلَا يَنسَى ( 52 )
มูซากล่าวว่า “ความรู้ในเรื่องนั้น อยู่ที่พระเจ้าของฉัน ในบันทึกของพระองค์ พระเจ้าของฉันจะไม่ทรงผิดพลาด และไม่ทรงหลงลืม”
الَّذِي جَعَلَ لَكُمُ الْأَرْضَ مَهْدًا وَسَلَكَ لَكُمْ فِيهَا سُبُلًا وَأَنزَلَ مِنَ السَّمَاءِ مَاءً فَأَخْرَجْنَا بِهِ أَزْوَاجًا مِّن نَّبَاتٍ شَتَّىٰ ( 53 )
พระผู้ทรงทำให้แผ่นดินเป็นพื้นราบเรียบ สำหรับพวกท่าน และทรงทำให้เป็นถนนหนทางสำหรับพวกท่าน และทรงหลั่งน้ำฝนมาจากฟากฟ้าและเราได้ให้พืชผลนานาชนิดออกมาเป็นคู่ ๆ
كُلُوا وَارْعَوْا أَنْعَامَكُمْ ۗ إِنَّ فِي ذَٰلِكَ لَآيَاتٍ لِّأُولِي النُّهَىٰ ( 54 )
พวกเจ้าจงกิน และจงเลี้ยงปศุสัตว์ของพวกเจ้า แท้จริงในการนั้น แน่นนอน ย่อมเป็นสัญญาณมากหลายสำหรับปัญญาชน
مِنْهَا خَلَقْنَاكُمْ وَفِيهَا نُعِيدُكُمْ وَمِنْهَا نُخْرِجُكُمْ تَارَةً أُخْرَىٰ ( 55 )
จากแผ่นดินเราได้บังเกิดพวกเจ้า และ ณ แผ่นดินนั้นเราจะให้พวกเจ้ากลับคืนไป และจากแผ่นดินนั้น เราจะให้พวกเจ้ากลับออกมาอีกครั้งหนึ่ง
وَلَقَدْ أَرَيْنَاهُ آيَاتِنَا كُلَّهَا فَكَذَّبَ وَأَبَىٰ ( 56 )
และแน่นอน เราได้ให้เขาเห็นสัญญาณทั้งหมดของเรา แต่เขาได้ปฏิเสธและดื้อดึง
قَالَ أَجِئْتَنَا لِتُخْرِجَنَا مِنْ أَرْضِنَا بِسِحْرِكَ يَا مُوسَىٰ ( 57 )
เขากล่าวว่า “เจ้ามาหาเราเพื่อที่จะเอาเราออกจาแผ่นดินของเรา ด้วยเล่ห์กลของเจ้ากระนั้นหรือ โอ้ มูซาเอ๋ย !”
فَلَنَأْتِيَنَّكَ بِسِحْرٍ مِّثْلِهِ فَاجْعَلْ بَيْنَنَا وَبَيْنَكَ مَوْعِدًا لَّا نُخْلِفُهُ نَحْنُ وَلَا أَنتَ مَكَانًا سُوًى ( 58 )
“ดังนั้น เราก็จะนำมาซึ่งเล่ห์กลนั้นเจ้าเช่นเดียวกัน ฉะนั้น เจ้าจงกำหนดวันขึ้นระหว่างเรากับท่าน ณ สถานที่ที่แน่นอน โดยที่เราจะไม่ผิดสัญญาและตัวท่านด้วย”
قَالَ مَوْعِدُكُمْ يَوْمُ الزِّينَةِ وَأَن يُحْشَرَ النَّاسُ ضُحًى ( 59 )
มูซากล่าวว่า “กำหนดวันของพวกท่านคือวันอีดวันรื่นเริง โดยให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมกันในตอนสาย”
فَتَوَلَّىٰ فِرْعَوْنُ فَجَمَعَ كَيْدَهُ ثُمَّ أَتَىٰ ( 60 )
ฟิรเอาน์ได้กลับออกไป เพื่อไปร่วมมือกันวางแผนการณ์ของเขา แล้วได้มายังที่นัดหมาย
قَالَ لَهُم مُّوسَىٰ وَيْلَكُمْ لَا تَفْتَرُوا عَلَى اللَّهِ كَذِبًا فَيُسْحِتَكُم بِعَذَابٍ ۖ وَقَدْ خَابَ مَنِ افْتَرَىٰ ( 61 )
มูซาได้กล่าวแก่พวกเขา “ความหายนะจงประสบแก่พวกท่าน พวกท่านอย่าได้เสกสรรปั้นแต่งการมุสาต่ออัลลอฮฺ มิฉะนั้นพระองค์จะทรงทำลายพวกท่านด้วยการลงโทษ และแน่นอนผู้ปั้นแต่งการมุสานั้น ได้ประสบความผิดหวังมาแล้ว”
فَتَنَازَعُوا أَمْرَهُم بَيْنَهُمْ وَأَسَرُّوا النَّجْوَىٰ ( 62 )
พวกเขาได้โต้แย้งกันในเรื่องของพวกเขา และได้มีการพูดกันอย่างลับ ๆ
قَالُوا إِنْ هَٰذَانِ لَسَاحِرَانِ يُرِيدَانِ أَن يُخْرِجَاكُم مِّنْ أَرْضِكُم بِسِحْرِهِمَا وَيَذْهَبَا بِطَرِيقَتِكُمُ الْمُثْلَىٰ ( 63 )
พวกเขากล่าวว่า “สองคนนี้มิได้เป็นอื่นใด นอกจากเป็นนักมายากลอย่างแน่นอน ต้องการที่จะเอาพวกท่านออกจาแผ่นดินของพวกท่านด้วยเล่ห์กลของเขาทั้งสอง และต้องการจะลบล้างขนบธรรมเนียมอันดีงามของพวกท่าน
فَأَجْمِعُوا كَيْدَكُمْ ثُمَّ ائْتُوا صَفًّا ۚ وَقَدْ أَفْلَحَ الْيَوْمَ مَنِ اسْتَعْلَىٰ ( 64 )
“ดังนั้น พวกท่านจงรวบรวมแผนการณ์ของพวกท่าน แล้วเดินออกมาเป็นแถว และวันนี้ผู้ใดเหนือกว่า ก็จะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน”
قَالُوا يَا مُوسَىٰ إِمَّا أَن تُلْقِيَ وَإِمَّا أَن نَّكُونَ أَوَّلَ مَنْ أَلْقَىٰ ( 65 )
พวกเขากล่าวว่า “โอ้ มูซาเอ๋ย ! ท่านจะเป็นผู้โยนหรือว่าพวกเราจะเป็นผู้โยนก่อน”
قَالَ بَلْ أَلْقُوا ۖ فَإِذَا حِبَالُهُمْ وَعِصِيُّهُمْ يُخَيَّلُ إِلَيْهِ مِن سِحْرِهِمْ أَنَّهَا تَسْعَىٰ ( 66 )
มูซากล่าวว่า “แต่ว่าพวกท่านจงโยนก่อนเถิด” ณ บัดนั้น เชือกและไม้เท้าของพวกเขาดูประหนึ่งว่ามันเลื้อยคลานไปมาเพราะเล่ห์กลของพวกเขา
قُلْنَا لَا تَخَفْ إِنَّكَ أَنتَ الْأَعْلَىٰ ( 68 )
เรากล่าวว่า “เจ้าอย่ากลัว แท้จริง เจ้าอยู่ในสภาพที่เหนือกว่า”
وَأَلْقِ مَا فِي يَمِينِكَ تَلْقَفْ مَا صَنَعُوا ۖ إِنَّمَا صَنَعُوا كَيْدُ سَاحِرٍ ۖ وَلَا يُفْلِحُ السَّاحِرُ حَيْثُ أَتَىٰ ( 69 )
“และเจ้าจงโยนสิ่งที่อยู่ในมือขวาของเจ้า มันจะกลืนสิ่งที่พวกเขาทำขึ้น แท้จริงสิ่งที่พวกเขาทำขึ้นนั้นเป็นแผนของนักมายากล และนักมายากลนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าเขาจะมาจากทางไหนก็ตาม”
فَأُلْقِيَ السَّحَرَةُ سُجَّدًا قَالُوا آمَنَّا بِرَبِّ هَارُونَ وَمُوسَىٰ ( 70 )
ดังนั้น พวกมายากลได้ก้มลงสุญูด โดยกล่าวว่า “เราขอศรัทธาต่อพระเจ้าของฮารูนและมูซา”
قَالَ آمَنتُمْ لَهُ قَبْلَ أَنْ آذَنَ لَكُمْ ۖ إِنَّهُ لَكَبِيرُكُمُ الَّذِي عَلَّمَكُمُ السِّحْرَ ۖ فَلَأُقَطِّعَنَّ أَيْدِيَكُمْ وَأَرْجُلَكُم مِّنْ خِلَافٍ وَلَأُصَلِّبَنَّكُمْ فِي جُذُوعِ النَّخْلِ وَلَتَعْلَمُنَّ أَيُّنَا أَشَدُّ عَذَابًا وَأَبْقَىٰ ( 71 )
เขา (ฟิรเอาน์) กล่าวว่า “พวกท่านศรัทธาต่อเขา ก่อนที่ฉันจะขออนุญาตให้แก่พวกท่านกระนั้นหรือ ? แท้จริงเขาต้องเป็นหัวหน้าของพวกท่าน ซึ่งได้สอนวิชามายากลแก่พวกท่าน ฉะนั้น ฉันจะตัดมือและเท้าของพวกท่านสลับข้างกัน และฉันจะเอาพวกท่านไปตรึงไว้ที่ต้นอินทผาลัม และพวกท่านก็จะรู้อย่างแน่ชัดว่า ผู้ใดในหมู่พวกเราที่จะให้การลงโทษที่สาหัสกว่า และยาวนานยิ่งกว่า”
قَالُوا لَن نُّؤْثِرَكَ عَلَىٰ مَا جَاءَنَا مِنَ الْبَيِّنَاتِ وَالَّذِي فَطَرَنَا ۖ فَاقْضِ مَا أَنتَ قَاضٍ ۖ إِنَّمَا تَقْضِي هَٰذِهِ الْحَيَاةَ الدُّنْيَا ( 72 )
พวกเขากล่าวว่า “เราจะไม่ฝักใฝ่ท่านมากกว่าหลักฐานที่ชัดแจ้งที่ได้มายังเรา ขอสาบานต่อพระผู้ให้บังเกิดเรา ท่านจงกระทำตามสิ่งที่ท่านต้องการจะกระทำผิด แท้จริงท่านจะกระทำได้ในชีวิตแห่งโลกนี้เท่านั้น
إِنَّا آمَنَّا بِرَبِّنَا لِيَغْفِرَ لَنَا خَطَايَانَا وَمَا أَكْرَهْتَنَا عَلَيْهِ مِنَ السِّحْرِ ۗ وَاللَّهُ خَيْرٌ وَأَبْقَىٰ ( 73 )
“แท้จริง เราได้ศรัทธาต่อพระเจ้าของเราเพื่อพระองค์จะทรงอภัยความผิดต่าง ๆ ของเราให้แก่เรา และทรงอภัยสิ่งที่ท่านได้บังคับให้เรากระทำเกี่ยวกับเรื่องมายากล และอัลลอฮฺนั้นทรงเป็นผู้ดีเลิศยิ่งและทรงยั่งยืนตลอดไป”
إِنَّهُ مَن يَأْتِ رَبَّهُ مُجْرِمًا فَإِنَّ لَهُ جَهَنَّمَ لَا يَمُوتُ فِيهَا وَلَا يَحْيَىٰ ( 74 )
ความจริงนั้น ผู้ใดมาหาพระเจ้าของเขาในสภาพของผู้กระทำความผิด แน่นอน เขาจะได้รับนรกเป็นการตอบแทน โดยที่เขาจะไม่ตายและไม่เป็นในนั้น
وَمَن يَأْتِهِ مُؤْمِنًا قَدْ عَمِلَ الصَّالِحَاتِ فَأُولَٰئِكَ لَهُمُ الدَّرَجَاتُ الْعُلَىٰ ( 75 )
และผู้ใดมาหาพระองค์โดยเป็นผู้ศรัทธาเขาได้กระทำความดีต่าง ๆ ไว้ ชนเหล่านี้แหละสำหรับพวกเขานั้นจะมีสถานะอันสูงส่ง
جَنَّاتُ عَدْنٍ تَجْرِي مِن تَحْتِهَا الْأَنْهَارُ خَالِدِينَ فِيهَا ۚ وَذَٰلِكَ جَزَاءُ مَن تَزَكَّىٰ ( 76 )
สวนสวรรค์หลากหลายอันสถาพร ณ เบื้องล่างของมันมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน พวกเขาเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล และนั่นคือการตอบแทนสำหรับผู้ขัดเกลาตนเอง (ให้พ้นจากความชั่ว)
وَلَقَدْ أَوْحَيْنَا إِلَىٰ مُوسَىٰ أَنْ أَسْرِ بِعِبَادِي فَاضْرِبْ لَهُمْ طَرِيقًا فِي الْبَحْرِ يَبَسًا لَّا تَخَافُ دَرَكًا وَلَا تَخْشَىٰ ( 77 )
และโดยแน่นอน เราได้วะฮีแก่มูซาว่า “จงเดินทางในเวลากลางคืนพร้อมด้วยปวงบ่าวของข้าแล้วฟาดลงในทะเล ให้เป็นทางเดินแห้งแก่พวกเขา เจ้าอย่าได้กลัวว่าจะถูกตามทัน และจ้าอย่าได้กลัวจมน้ำ”
فَأَتْبَعَهُمْ فِرْعَوْنُ بِجُنُودِهِ فَغَشِيَهُم مِّنَ الْيَمِّ مَا غَشِيَهُمْ ( 78 )
ฟิรเอาน์พร้อมด้วยไร่พลของเขาได้ตามมาทันพวกเขา แล้วน้ำจากทะเลได้ท่วม ทำให้พวกเขาจมน้ำ
وَأَضَلَّ فِرْعَوْنُ قَوْمَهُ وَمَا هَدَىٰ ( 79 )
และฟิรเอาน์ได้ทำให้กลุ่มชนของเขาหลงผิด และมิได้แนะทางที่ถูกต้องให้
يَا بَنِي إِسْرَائِيلَ قَدْ أَنجَيْنَاكُم مِّنْ عَدُوِّكُمْ وَوَاعَدْنَاكُمْ جَانِبَ الطُّورِ الْأَيْمَنَ وَنَزَّلْنَا عَلَيْكُمُ الْمَنَّ وَالسَّلْوَىٰ ( 80 )
โอ้ วงศ์วานของอิสรออีลเอ๋ย ! แน่นอนเราได้ช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากศัตรูของพวกเจ้า และเราได้สัญญาพวกเจ้าทางด้านขวาของภูเขาฏูร และเราได้ให้อาหารหวานและนกคุ่มแก่พวกเจ้า
كُلُوا مِن طَيِّبَاتِ مَا رَزَقْنَاكُمْ وَلَا تَطْغَوْا فِيهِ فَيَحِلَّ عَلَيْكُمْ غَضَبِي ۖ وَمَن يَحْلِلْ عَلَيْهِ غَضَبِي فَقَدْ هَوَىٰ ( 81 )
พวกเจ้าจงกินจากสิ่งที่ดีทั้งหลาย ที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า และพวกเจ้าอย่าได้ฝ่าฝืน มิฉะนั้น ความกริ้วของข้าจะเกิดขึ้นแก่พวกเจ้า และผู้ใดที่ความกริ้วของข้าจะเกิดขึ้นแก่เขาแน่นอนเขาจะประสบความพินาศ
وَإِنِّي لَغَفَّارٌ لِّمَن تَابَ وَآمَنَ وَعَمِلَ صَالِحًا ثُمَّ اهْتَدَىٰ ( 82 )
และแท้จริง ข้าเป็นผู้อภัยอย่างมากหลายแก่ผู้ลุแก่โทษ และศรัทธา และประกอบความดีแล้วยึดมั่นอยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง
وَمَا أَعْجَلَكَ عَن قَوْمِكَ يَا مُوسَىٰ ( 83 )
และอะไรเล่าที่ทำให้เจ้ารีบเร่งออกจากกลุ่มชนของเจ้า โอ้ มูซาเอ๋ย !
قَالَ هُمْ أُولَاءِ عَلَىٰ أَثَرِي وَعَجِلْتُ إِلَيْكَ رَبِّ لِتَرْضَىٰ ( 84 )
เขากล่าวว่า ”พวกเขาเหล่านั้นตามหลังข้าพระองค์มาอยู่แล้ว และข้าพระองค์ได้รีบเร่งมายังพระองค์เท่านั้น โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ก็เพื่อให้พระองค์ทรงพอพระทัยเท่านั้น"
قَالَ فَإِنَّا قَدْ فَتَنَّا قَوْمَكَ مِن بَعْدِكَ وَأَضَلَّهُمُ السَّامِرِيُّ ( 85 )
พระองค์ตรัสว่า “แท้จริงเราได้ทดสอบกลุ่มชนของเจ้า หลังจากที่เจ้าได้จากมา และซามิรีย์ก็ได้ทำให้พวกเขาหลงทาง”
فَرَجَعَ مُوسَىٰ إِلَىٰ قَوْمِهِ غَضْبَانَ أَسِفًا ۚ قَالَ يَا قَوْمِ أَلَمْ يَعِدْكُمْ رَبُّكُمْ وَعْدًا حَسَنًا ۚ أَفَطَالَ عَلَيْكُمُ الْعَهْدُ أَمْ أَرَدتُّمْ أَن يَحِلَّ عَلَيْكُمْ غَضَبٌ مِّن رَّبِّكُمْ فَأَخْلَفْتُم مَّوْعِدِي ( 86 )
มูซาได้กลับมายังกลุ่มชนของเขาด้วยความกริ้วโกรธเสียใจ เขากล่าวว่า “โอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย พระเจ้าของพวกท่านมิได้ทรงสัญญากับพวกท่านด้วยสัญญาที่ดีดอกหรือ คำมั่นสัญญานั้นนานเกินไปสำหรับพวกท่านกระนั้นหรือ ? หรือว่าพวกท่านประสงค์ที่จะให้ความกริ้วจากพระเจ้าของพวกท่าน เกิดขึ้นแก่พวกท่าน ? พวกท่านจึงได้บิดพริ้วสัญญาของฉัน”
قَالُوا مَا أَخْلَفْنَا مَوْعِدَكَ بِمَلْكِنَا وَلَٰكِنَّا حُمِّلْنَا أَوْزَارًا مِّن زِينَةِ الْقَوْمِ فَقَذَفْنَاهَا فَكَذَٰلِكَ أَلْقَى السَّامِرِيُّ ( 87 )
พวกเขากล่าวว่า “เรามิได้บิดพริ้วสัญญาของท่าน ตามความสมัครใจของเราดอก แต่ว่าเราต้องแบกน้ำหนักเครื่องประดับของพรรคพวกอย่างมากมาย เราจึงโยนมันลงไป เช่นเดียวกัน ซามิรีย์ก็ได้โยนมันลงไปด้วย”
فَأَخْرَجَ لَهُمْ عِجْلًا جَسَدًا لَّهُ خُوَارٌ فَقَالُوا هَٰذَا إِلَٰهُكُمْ وَإِلَٰهُ مُوسَىٰ فَنَسِيَ ( 88 )
แล้วซามิรีย์ก็ได้ทำลูกวัวออกมาเป็นรูปร่างมีเสียงร้อง พวกเขาจึงกล่าวว่า “นี่คือพระเจ้าของพวกท่าน และพระเจ้าของมูซา แต่เขาลืมเสีย”
أَفَلَا يَرَوْنَ أَلَّا يَرْجِعُ إِلَيْهِمْ قَوْلًا وَلَا يَمْلِكُ لَهُمْ ضَرًّا وَلَا نَفْعًا ( 89 )
พวกเขาไม่รู้ดอกหรือว่า มันไม่อาจจะให้คำตอบแพวกเขา และมันไม่สามารถจะให้โทษและให้คุณแก่พวกเขาเลย
وَلَقَدْ قَالَ لَهُمْ هَارُونُ مِن قَبْلُ يَا قَوْمِ إِنَّمَا فُتِنتُم بِهِ ۖ وَإِنَّ رَبَّكُمُ الرَّحْمَٰنُ فَاتَّبِعُونِي وَأَطِيعُوا أَمْرِي ( 90 )
และโดยแน่นอน ฮารูนกล่าวกับพวกเขาก่อนว่า “โอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย แท้จริงพวกท่านถูกทดสอบให้หลงเสียแล้ว และแท้จริงพระเจ้าของพวกท่านนั้นคือพระผู้ทรงกรุณาปรานี ดังนั้นพวกท่านจงปฏิบัติตามฉัน และจงเชื่อฟังคำสั่งของฉัน
قَالُوا لَن نَّبْرَحَ عَلَيْهِ عَاكِفِينَ حَتَّىٰ يَرْجِعَ إِلَيْنَا مُوسَىٰ ( 91 )
พวกเขากล่าวว่า “เรายังคงจะบูชามันโดยจะจงรักภักดี (ต่อมัน) จนกว่ามูซาจะกลับมาหาพวกเรา”
قَالَ يَا هَارُونُ مَا مَنَعَكَ إِذْ رَأَيْتَهُمْ ضَلُّوا ( 92 )
(เมื่อมูซากลับมาแล้ว) เขากล่าวว่า “โอ้ฮารูนเอ๋ย อันใดเล่าที่ยับยั้งท่าน เมื่อท่านเห็นพวกเขาหลงผิด”
أَلَّا تَتَّبِعَنِ ۖ أَفَعَصَيْتَ أَمْرِي ( 93 )
“ทำไมท่านจึงไม่ปฏิบัติตามฉัน” ท่านฝ่าฝืนคำสั่งของฉันกระนั้นหรือ ?”
قَالَ يَا ابْنَ أُمَّ لَا تَأْخُذْ بِلِحْيَتِي وَلَا بِرَأْسِي ۖ إِنِّي خَشِيتُ أَن تَقُولَ فَرَّقْتَ بَيْنَ بَنِي إِسْرَائِيلَ وَلَمْ تَرْقُبْ قَوْلِي ( 94 )
ฮารูน กล่าวว่า “โอ้ลูกของแม่ฉันเอ๋ย อย่าดึงเคราและศีรษะของฉันซิ แท้จริงฉันกลัวว่า ท่านจะกล่าว(แก่ฉัน) ว่า ท่านได้ก่อการแตกแยกขึ้นในหมู่วงศ์วานอิสรออีล และท่านไม่คอบฟังคำสั่งของฉัน”
قَالَ بَصُرْتُ بِمَا لَمْ يَبْصُرُوا بِهِ فَقَبَضْتُ قَبْضَةً مِّنْ أَثَرِ الرَّسُولِ فَنَبَذْتُهَا وَكَذَٰلِكَ سَوَّلَتْ لِي نَفْسِي ( 96 )
เขากล่าวว่า “ฉันเห็นในสิ่งที่พวกเขามองไม่เห็น ดังนั้น ฉันจึงกำเอากอบหนึ่งจากรอยของร่อซูล (หมายถึงญิบรีล) แล้วฉันได้โยนมันลงไปและเช่นนั้นแหละจิตใจของฉันได้เห็นดีเห็นงาม”
قَالَ فَاذْهَبْ فَإِنَّ لَكَ فِي الْحَيَاةِ أَن تَقُولَ لَا مِسَاسَ ۖ وَإِنَّ لَكَ مَوْعِدًا لَّن تُخْلَفَهُ ۖ وَانظُرْ إِلَىٰ إِلَٰهِكَ الَّذِي ظَلْتَ عَلَيْهِ عَاكِفًا ۖ لَّنُحَرِّقَنَّهُ ثُمَّ لَنَنسِفَنَّهُ فِي الْيَمِّ نَسْفًا ( 97 )
มูซากล่าวว่า “ท่านจงออกไป แท้จริงสำหรับท่านในชีวิตนี้จะได้รับการลงโทษโดยท่านกล่าวว่า อย่ามาแตะต้องฉัน และแท้จริงสำหรับท่านนั้นมีสัญญาหนึ่ง ท่านจะไม่ถูกทำให้ผิดสัญญาและจงดูพระเจ้าของท่านซึ่งท่านยึดถือบูชามันแน่นอนเราจะเผามัน แล้วเราจะโปรยมันลงในทะเลให้กระจาย”
إِنَّمَا إِلَٰهُكُمُ اللَّهُ الَّذِي لَا إِلَٰهَ إِلَّا هُوَ ۚ وَسِعَ كُلَّ شَيْءٍ عِلْمًا ( 98 )
แท้จริง พระเจ้าของพวกท่านนั้นคือ อัลลอฮฺ ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์ทรงแผ่ความรอบรู้ในยังทุกสิ่ง
كَذَٰلِكَ نَقُصُّ عَلَيْكَ مِنْ أَنبَاءِ مَا قَدْ سَبَقَ ۚ وَقَدْ آتَيْنَاكَ مِن لَّدُنَّا ذِكْرًا ( 99 )
เช่นนี้แหละ เราได้บอกเล่าข่าวคราวที่ได้เกิดขึ้นแต่กาลก่อนแก่เจ้า และแน่นอน เราได้ให้ข้อเตือนสติ จากเราแก่เจ้า
مَّنْ أَعْرَضَ عَنْهُ فَإِنَّهُ يَحْمِلُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ وِزْرًا ( 100 )
ผู้ใดหันหลังให้อัลกุรอาน แท้จริงเขาจะแบกโทษหนักในวันกิยามะฮ์ (อยุ่ในนรก)
خَالِدِينَ فِيهِ ۖ وَسَاءَ لَهُمْ يَوْمَ الْقِيَامَةِ حِمْلًا ( 101 )
พวกเขาจะพำนักอย่างถาวรอยู่ในนั้น และโทษหนักนั้นเป็นความชั่วช้าสำหรับพวกเขาในวันกิยามะฮ์เสียนี่กระไร !
يَوْمَ يُنفَخُ فِي الصُّورِ ۚ وَنَحْشُرُ الْمُجْرِمِينَ يَوْمَئِذٍ زُرْقًا ( 102 )
วันซึ่งสังข์จะถูกเป่า และในวันนั้นเราจะรวมนักโทษทั้งหลายที่มีตาสีฟ้าไว้ด้วยกัน
يَتَخَافَتُونَ بَيْنَهُمْ إِن لَّبِثْتُمْ إِلَّا عَشْرًا ( 103 )
พวกเขาจะกระซิบกระซาบระหว่างกันว่า “พวกท่านมิได้พักในโลกนี้นอกจากเพียง 10 วัน เท่านั้น”
نَّحْنُ أَعْلَمُ بِمَا يَقُولُونَ إِذْ يَقُولُ أَمْثَلُهُمْ طَرِيقَةً إِن لَّبِثْتُمْ إِلَّا يَوْمًا ( 104 )
เรารู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเขากล่าวกัน เมื่อผู้มีความคิดที่ดียิ่งกล่าวว่า “พวกท่านมิได้พักอยู่ นอกจากเพียงวันเดียวเท่านั้น”
وَيَسْأَلُونَكَ عَنِ الْجِبَالِ فَقُلْ يَنسِفُهَا رَبِّي نَسْفًا ( 105 )
และพวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับภูเขา จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) “พระเจ้าของฉันจะทรงทำให้มันแตกออกเป็นผุยผง ”
فَيَذَرُهَا قَاعًا صَفْصَفًا ( 106 )
“แล้วจะทรงปล่อยให้มันเป็นที่ราบโล่งเตียน (ไม่มีต้นไม้และสิ่งก่อสร้าง)”
يَوْمَئِذٍ يَتَّبِعُونَ الدَّاعِيَ لَا عِوَجَ لَهُ ۖ وَخَشَعَتِ الْأَصْوَاتُ لِلرَّحْمَٰنِ فَلَا تَسْمَعُ إِلَّا هَمْسًا ( 108 )
วันนั้นพวกเขาจะติดตามผู้ร้องเรียกไปโดยไม่มีการอิดเอื้อนแต่ประการใด เสียงทั้งหลายก็จะลดค่อยลงต่อพระผู้ทรงกรุณาปรานี เจ้าจะไม่ได้ยินเสียงใด นอกจากเสียแผ่วเบา
يَوْمَئِذٍ لَّا تَنفَعُ الشَّفَاعَةُ إِلَّا مَنْ أَذِنَ لَهُ الرَّحْمَٰنُ وَرَضِيَ لَهُ قَوْلًا ( 109 )
วันนั้น การชะฟาอะฮ์ จะไม่เกิดประโยชน์อันใด นอกจากผู้ที่พระผู้ทรงกรุณาปรานีทรงอนุญาตแก่เขา และพระองค์ทรงพอพระทัยในคำพูดของเขาเท่านั้น
يَعْلَمُ مَا بَيْنَ أَيْدِيهِمْ وَمَا خَلْفَهُمْ وَلَا يُحِيطُونَ بِهِ عِلْمًا ( 110 )
พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา และสิ่งต่าง ๆที่อยู่ลับหลังพวกเขาและความรู้ของพวกเขาไม่อาจจะเท่าเทียมความรู้ของพระองค์ได้
وَعَنَتِ الْوُجُوهُ لِلْحَيِّ الْقَيُّومِ ۖ وَقَدْ خَابَ مَنْ حَمَلَ ظُلْمًا ( 111 )
และใบหน้าทั้งหลาย ได้สยบลงต่อพระผู้ทรงเป็นอยู่เสมอ พระผู้ทรงอมตะ และแน่นอน ผู้ที่แบกเอาความอธรรมไว้ (ชิริก)ต้องประสบกับการขาดทุนอย่างแน่นอน
وَمَن يَعْمَلْ مِنَ الصَّالِحَاتِ وَهُوَ مُؤْمِنٌ فَلَا يَخَافُ ظُلْمًا وَلَا هَضْمًا ( 112 )
และผู้ใดปฏิบัติคุณงามความดีทั้งหลายโดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา เขาจะไม่กลัวความอธรรมและการบั่นทอนใด ๆ
وَكَذَٰلِكَ أَنزَلْنَاهُ قُرْآنًا عَرَبِيًّا وَصَرَّفْنَا فِيهِ مِنَ الْوَعِيدِ لَعَلَّهُمْ يَتَّقُونَ أَوْ يُحْدِثُ لَهُمْ ذِكْرًا ( 113 )
และเช่นนั้นแหละ เราได้ให้กุรอานเป็นภาษาอาหรับลงมาแก่เขา และเราได้กล่าวซ้ำในนั้นซึ่งข้อตักเตือน หวังว่าพวกเขาจะมีความยำเกรงหรือเกิดข้อเตือนใจแก่พวกเขา
فَتَعَالَى اللَّهُ الْمَلِكُ الْحَقُّ ۗ وَلَا تَعْجَلْ بِالْقُرْآنِ مِن قَبْلِ أَن يُقْضَىٰ إِلَيْكَ وَحْيُهُ ۖ وَقُل رَّبِّ زِدْنِي عِلْمًا ( 114 )
ดังนั้น อัลลอฮฺคือพระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง พระผู้ทรงอำนาจอันแท้จริง และเจ้าอย่ารีบเร่งในการอ่านอัลกุรอาน ก่อนที่วะฮีย์ของพระองค์จะจบลง และจงกล่าวเถิด “ข้าแต่พระเจ้าของข้า พระองค์ขอพระองค์ทรงโปรดเพิ่มพูนความรู้แก่ข้าพระองค์ด้วย”
وَلَقَدْ عَهِدْنَا إِلَىٰ آدَمَ مِن قَبْلُ فَنَسِيَ وَلَمْ نَجِدْ لَهُ عَزْمًا ( 115 )
และโดยแน่นอน เราได้ให้คำมั่นสัญญาแก่อาดัมแต่กาลก่อน แต่เขาได้ลืม และเราไม่พบความมั่ใจอดทนในตัวเขา
وَإِذْ قُلْنَا لِلْمَلَائِكَةِ اسْجُدُوا لِآدَمَ فَسَجَدُوا إِلَّا إِبْلِيسَ أَبَىٰ ( 116 )
และเมื่อเรากล่าวแก่บรรดามะลาอิกะฮ์ว่า “จงสุญูดคารวะแก่อาดัม” และพวกเขาได้สุญูดนอกจากอิบลีส มันได้ดื้อดึง
فَقُلْنَا يَا آدَمُ إِنَّ هَٰذَا عَدُوٌّ لَّكَ وَلِزَوْجِكَ فَلَا يُخْرِجَنَّكُمَا مِنَ الْجَنَّةِ فَتَشْقَىٰ ( 117 )
แล้วเราได้กล่าวว่า “โอ้อาดัมเอ๋ย ! แท้จริงนี่คือศัตรูของเจ้าและของภริยาของเจ้า ดังนั้นอย่าให้มันทำให้เจ้าทั้งสองออกจากสวนสวรรค์ แล้วเจ้าจะได้รับความลำบาก”
إِنَّ لَكَ أَلَّا تَجُوعَ فِيهَا وَلَا تَعْرَىٰ ( 118 )
“แท้จริงในสวนสวรรค์นั้น เจ้าจะไม่หิวและจะไม่ต้องเปลือยกาย”
وَأَنَّكَ لَا تَظْمَأُ فِيهَا وَلَا تَضْحَىٰ ( 119 )
“และแท้จริงในสวนสวรรค์นั้น เจ้าจะไม่กระหายน้ำ และจะไม่ตากแดด”
فَوَسْوَسَ إِلَيْهِ الشَّيْطَانُ قَالَ يَا آدَمُ هَلْ أَدُلُّكَ عَلَىٰ شَجَرَةِ الْخُلْدِ وَمُلْكٍ لَّا يَبْلَىٰ ( 120 )
ต่อมาชัยฏอนมารร้ายได้กระซิบกระซาบเขา มันกล่าวว่า “อาดัมเอ๋ย ฉันจะชี้แนะแก่ท่านไปยังต้นไม้ที่อยู่เป็นนิจตลอดกาลและการมีอำนาจที่ไม่สูญสลายเอาไหม?”
فَأَكَلَا مِنْهَا فَبَدَتْ لَهُمَا سَوْآتُهُمَا وَطَفِقَا يَخْصِفَانِ عَلَيْهِمَا مِن وَرَقِ الْجَنَّةِ ۚ وَعَصَىٰ آدَمُ رَبَّهُ فَغَوَىٰ ( 121 )
ดังนั้น เขาทั้งสองจึงกินจากต้นไม้นั้นสิ่งพึงสงวนของทั้งสองจึงถูกเผยแก่เขาทั้งสอง เขาทั้งสองจึงเริ่มเอาใบไม้ของสวนนั้นมาปกปิดบนตัวของเขาทั้งสอง และอาดัมได้ฝ่าฝืนพระเจ้าของเขา เขาจึงหลงผิด
ثُمَّ اجْتَبَاهُ رَبُّهُ فَتَابَ عَلَيْهِ وَهَدَىٰ ( 122 )
ภายหลัง พระเจ้าของเขาทรงคัดเลือกเขาแล้วทรงอภัยโทษให้แก่เขา และทรงแนะทางที่ถูกต้องให้เขา
قَالَ اهْبِطَا مِنْهَا جَمِيعًا ۖ بَعْضُكُمْ لِبَعْضٍ عَدُوٌّ ۖ فَإِمَّا يَأْتِيَنَّكُم مِّنِّي هُدًى فَمَنِ اتَّبَعَ هُدَايَ فَلَا يَضِلُّ وَلَا يَشْقَىٰ ( 123 )
พระองค์ตรัสว่า “เจ้าทั้งสองจงออกไปจากสวนสวรรค์ทั้งหมด โดยบางคน (ลูกหลาน) ในหมู่พวกเจ้าเป็นศัตรูกับอีกบางคน บางทีเมื่อมีคำแนะนำ (ฮิดายะฮ์) จากข้ามายังพวกเจ้า แล้วผู้ใดปฏิบัติตามคำแนะนำ (ฮิดายะฮ์) ของข้า เขาก็จะไม่หลงผิด และจะไม่ได้รับความลำบาก”
وَمَنْ أَعْرَضَ عَن ذِكْرِي فَإِنَّ لَهُ مَعِيشَةً ضَنكًا وَنَحْشُرُهُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ أَعْمَىٰ ( 124 )
“และผู้ใดผินหลังจากการรำลึกถึงข้า แท้จริงสำหรับเขาคือ การมีชีวิตอยู่อย่างคับแค้น และเราจะให้เขาฟื้นคืนชีพในวันกิยามะฮ์ในสภาพของคนตาบอด”
قَالَ رَبِّ لِمَ حَشَرْتَنِي أَعْمَىٰ وَقَدْ كُنتُ بَصِيرًا ( 125 )
เขากล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์จึงทรงให้ข้าพระองค์ฟื้นคืนชีพขึ้นมาในสภาพของคนตาบอดเล่า ทั้งๆที่ข้าพระองค์เคยเป็นคนตาดี มองเห็น”
قَالَ كَذَٰلِكَ أَتَتْكَ آيَاتُنَا فَنَسِيتَهَا ۖ وَكَذَٰلِكَ الْيَوْمَ تُنسَىٰ ( 126 )
พระองค์ตรัสว่า “เช่นนั้นแหละ เมื่อโองการทั้งหลายของเราได้มีมายังเจ้า เจ้าก็ทำเป็นลืมมัน และในทำนองเดียวกัน วันนี้เจ้าก็จะถูกลืม”
وَكَذَٰلِكَ نَجْزِي مَنْ أَسْرَفَ وَلَمْ يُؤْمِن بِآيَاتِ رَبِّهِ ۚ وَلَعَذَابُ الْآخِرَةِ أَشَدُّ وَأَبْقَىٰ ( 127 )
และเช่นเดียวกัน เราจะตอบแทนผู้ที่ล่วงละเมิดขอบเขต และไม่ศรัทธาต่อโองการทั้งหลายของพระเจ้า และแน่นอน การลงโทษในปรโลกนั้นสาหัสยิ่ง และยาวนานยิ่ง
أَفَلَمْ يَهْدِ لَهُمْ كَمْ أَهْلَكْنَا قَبْلَهُم مِّنَ الْقُرُونِ يَمْشُونَ فِي مَسَاكِنِهِمْ ۗ إِنَّ فِي ذَٰلِكَ لَآيَاتٍ لِّأُولِي النُّهَىٰ ( 128 )
ยังมิเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่พวกเขาดอกหรือว่า กี่มากน้อยแล้ว เราได้ทำลายประชาชาติก่อนหน้าพวกเขาหลายชั่วศตวรรษ โดยที่พวกเขา (กุฟารมักกะฮ์) ได้ไปพบเห็นมาในที่พำนักอาศัยของพวกเขา แท้จริง ในการลงโทษเช่นนั้นแหละเป็นนิทัศน์อุทาหารณ์สำหรับบรรดาผู้มีสติปัญญา
وَلَوْلَا كَلِمَةٌ سَبَقَتْ مِن رَّبِّكَ لَكَانَ لِزَامًا وَأَجَلٌ مُّسَمًّى ( 129 )
และหากมิใช่ลิขิตจากพระเจ้าของเจ้า ถูกบันทึกไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว แน่นอน การลงโทษจะเกิดขึ้นทันทีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
فَاصْبِرْ عَلَىٰ مَا يَقُولُونَ وَسَبِّحْ بِحَمْدِ رَبِّكَ قَبْلَ طُلُوعِ الشَّمْسِ وَقَبْلَ غُرُوبِهَا ۖ وَمِنْ آنَاءِ اللَّيْلِ فَسَبِّحْ وَأَطْرَافَ النَّهَارِ لَعَلَّكَ تَرْضَىٰ ( 130 )
ดังนั้น เจ้าจงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขากล่าวร้าย และจงแซ่ซร้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้า ก่อนตะวันขึ้นและก่อนตะวันลับลงไป และส่วนหนึ่งจากเวลากลางคืน ก็จงแซ่ซร้องสดุดีและปลายช่วงของเวลากลางวัน เพื่อเจ้าจะได้พออกพอใจ
وَلَا تَمُدَّنَّ عَيْنَيْكَ إِلَىٰ مَا مَتَّعْنَا بِهِ أَزْوَاجًا مِّنْهُمْ زَهْرَةَ الْحَيَاةِ الدُّنْيَا لِنَفْتِنَهُمْ فِيهِ ۚ وَرِزْقُ رَبِّكَ خَيْرٌ وَأَبْقَىٰ ( 131 )
และเจ้าจงอย่าทอดสายตาของเจ้าไปยังสิ่งที่เราได้ให้ความเพลิดเพลินแก่บุคคลประเภทต่าง ๆ ของพวกกุฟฟาร ซึ่งความสุขสำราญในโลกดุนยา เพื่อเราจะได้ทดสอบพวกเขาในการนี้ และการตอบแทนของพระเจ้านั้น ดียิ่งกว่าและจีรังยิ่งกว่า
وَأْمُرْ أَهْلَكَ بِالصَّلَاةِ وَاصْطَبِرْ عَلَيْهَا ۖ لَا نَسْأَلُكَ رِزْقًا ۖ نَّحْنُ نَرْزُقُكَ ۗ وَالْعَاقِبَةُ لِلتَّقْوَىٰ ( 132 )
และเจ้าจงใช้ครอบครัวของเจ้า ให้ทำละหมาด และจงอดทนในการปฏิบัติ เรามิได้ขอเครื่องยังชีพจากเจ้า เราต่างหากเป็นผู้ให้เครื่องยังชีพแก่เจ้า และบั้นปลายนั้นสำหรับผู้ที่มีความยำแกรง
وَقَالُوا لَوْلَا يَأْتِينَا بِآيَةٍ مِّن رَّبِّهِ ۚ أَوَلَمْ تَأْتِهِم بَيِّنَةُ مَا فِي الصُّحُفِ الْأُولَىٰ ( 133 )
และพวกเขากล่าวว่า “ทำไมเขาจึงไม่นำสัญญาณหนึ่งจากพระเจ้าของเขามาให้เรา” หรือว่าหลักฐานอันชัดแจ้งที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ต่าง ๆ สมัยก่อนนั้น มิได้มีมายังพวกเขาดอกหรือ?
وَلَوْ أَنَّا أَهْلَكْنَاهُم بِعَذَابٍ مِّن قَبْلِهِ لَقَالُوا رَبَّنَا لَوْلَا أَرْسَلْتَ إِلَيْنَا رَسُولًا فَنَتَّبِعَ آيَاتِكَ مِن قَبْلِ أَن نَّذِلَّ وَنَخْزَىٰ ( 134 )
และหากเราทำลายพวกเขาด้วยการลงโทษก่อนการให้อัลกุรอานลงมา แน่นอนพวกเขาก็กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเราทำไมพระองค์ท่านจึงไม่ส่งร่อซูลมายังพวกเรา เพื่อเราจะได้ปฏิบัติตามโองการของพระองค์ท่าน ก่อนที่เราจะได้รับความต่ำต้อยและความอัปยศ
หนังสือ
- อิสลามกับคำถามที่คุณอยากรู้คำตอบ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 3อิสลามกับคำถามที่คุณอยากรู้คำตอบ ... หนังสือที่ตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับอิสลาม ที่เพื่อนต่างศาสนิกมักจะถามคุณเป็นประจำ เช่น ทำไมมุสลิมไม่กินหมูํ? ทำไมต้องคลุมหิญาบ ? ทำไม ..??
ผู้ตรวจทาน : ซุฟอัม อุษมาน
ผยแพร่โดย : ชาวต้นไม้ www.islaminside.com
Source : http://www.islamhouse.com/p/48326
- คู่มือเข้าใจอิสลามอย่างง่าย พร้อมภาพประกอบหนังสือเพื่อการแนะนำศาสนาอิสลาม เหมาะสำหรับผู้สนใจอิสลามทุกคน บรรจุด้วยข้อมูลเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ทางวิทยาศาสตร์ที่ปรากฏในอัลกุรอานและซุนนะฮฺ โดยการวิเคราะห์ในเชิงวิชาการ พร้อมภาพประกอบการอธิบายอย่างเป็นขั้นตอน
ผู้แต่ง : อิบรอฮีม อบูหัรบฺ
ผู้ตรวจทาน : ทีมงานภาษาไทย เว็บอิสลามเฮ้าส์
ผยแพร่โดย : http://www.islam-guide.com
Source : http://www.islamhouse.com/p/338827
- อิสรออ์มิอฺรอจญ์ ตามคำอธิบายของอัลกุรอานและอัลหะดีษหนังสือที่รวมรวมประเด็นเกี่ยวกับเหตุการณ์อิสรออ์มิอฺรอจญ์ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ตามหลักฐานจากอัลกุรอานและอัลหะดีษ พร้อมระบุบทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้
ผู้แต่ง : อิสมาอีล ลุตฟี จะปะกียา
ผู้ตรวจทาน : ซุฟอัม อุษมาน
ผู้แปล : อุษมาน อิดรีส
ผยแพร่โดย : ห้องสมุดอิกเราะอ์
Source : http://www.islamhouse.com/p/44618
- วันอีดในอิสลามหนังสือที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวันอีดทั้งสองในด้านต่างๆ เช่นความหมายของอีด ศาสนกิจที่สนับสนุนให้ปฏิบัติในวันอีด หุก่มเกี่ยวกับศาสนกิจต่างๆ ในวันอีด หุก่มการละหมาดอีดที่มุศ็อลลา เป็นต้น
ผู้แต่ง : อุษมาน อิดรีส
ผู้ตรวจทาน : ซุฟอัม อุษมาน
ผยแพร่โดย : ห้องสมุดอิกเราะอ์
Source : http://www.islamhouse.com/p/2176
- บทบัญญัติเกี่ยวกับสตรีในอิสลามหนังสือที่เรียบเรียงโดยรวบรวมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับสตรีในอิสลาม อาทิ - สตรีในอัลกุรอานและซุนนะฮฺ - สตรีในสังคม - การแต่งงานและความสัมพันธ์ทางเพศ - การมีภรรยาหลายคนกับปรากฏการณ์ของความเข้าใจผิด - การหย่าในกฎหมายอิสลาม - ความผิดซินา (ความผิดประเวณี) - การวางแผนครอบครัวและการทำแท้ง - ความเท่าเทียมของสตรีในอิสลาม - สตรีและการศึกษา - สิทธิทางเศรษฐกิจของสตรีในชะรีอะฮฺ - การให้ความเสมอภาคทางสังคมและการเมืองแก่สตรีในประเทศมุสลิม โดย ผศ.ดร.มุฮำหมัดซากี เจ๊ะหะ จากมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
ผู้แต่ง : มุฮำหมัดซากี เจ๊ะหะ
ผู้ตรวจทาน : ฆอซาลี เบ็ญหมัด
ผยแพร่โดย : มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
Source : http://www.islamhouse.com/p/384421